ตำรวจ สภ.บางศรีเมือง จ.นนทบุรี ปูพรมล่า “พ่อหื่น” มอมเหล้า และข่มขืน แฟนลูกชาย วัย 15 ปี เจ้าตัวลั่น! ไม่ได้ทำ ก่อนกระโดดหนีหายไปในพงหญ้า เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 65 เกิดเรื่องฉาว ล่วงละเมิดทางเพศ เด็กต่ำกว่า 18 อีกแล้ว ที่จังหวัดนนทบุรีสภ.บางศรีเมือง ได้รับแจ้งจาก น.ส.โบ เล่าว่า น้องสาวของเธอ ด.ญ.บี วัย 15 ปี
คบกับเด็กชายสอง วัย 15 ปีเท่ากัน โดยน้องสาวเธอได้ออกจากบ้านไปอยู่บ้านแฟน โดยที่บ้านแฟนจะมีพ่อของฝ่ายชาย นายหนึ่ง อาศัยอยู่ด้วย เวลาประมาณบ่ายของวันที่ 17 น้องสาวเธอเล่าให้ฟังว่า พ่อแฟนชวนแฟนกับตนเองดื่มเบียร์ แถมยังซื้อยาดองมาเพิ่ม ชวนกันดื่มจนแฟนและตนเองเมาหลับไป
หลังจากนั้นช่วงเวลาประมาณตีสอง ด.ญ.บี เล่าว่าตนรู้สึกตัวตอนที่ พ่อของเด็กชายสอง อุ้มเธอไปที่หน้าห้องน้ำ และทำการข่มขืน เธอตกใจกลัว ทำอะไรไม่ถูก ตอนเช้าพ่อเเฟนออกไปทำงานแล้ว ด.ญ.บี จึงรีบโทรหา น.ส.โบว์ เพื่อขอความช่วยเหลือ หลังจาก น.ส.โบว์รู้เรื่องจึงรีบมารับตัวน้องสาวในช่วงเวลาค่ำๆ
ระหว่างนั้นเจอพ่อของดช.สองอยู่ด้วยพอดี จึงเข้าไปสอบถามความจริง ปรากฎว่า พ่อเด็กชายสองปฏิเสธบอกว่าตนไม่ได้ทำอะไร พร้อมเดินออมาจากห้องพร้อมกัน เหมือนจะเดินไปส่ง ด.ญ.บี
ระหว่างทาง เป็นที่ว่างมีแต่พงหญ้า เมื่อคลาดสายตา พ่อเด็กชายสองรีบวิ่งหนีไปทันที น.ส.โบว์และน้องจึงเข้าแจ้งความที่ สภ.บางศรีเมือง และเล่าความจริงทั้งหมด หลัง ตำรวจ สภ.บางศรีเมืองรับเรื่องจึงเดินทางตามล่านายหนึ่งบริเวณจุดที่หนี พร้อมโทรศัพท์หาเจ้าตัว พบเป็นผู้อื่นรับสาย
เจ้าตัวได้หนีไปแล้ว จึงหยุดการค้นหา และเร่งดำเนินการตรวจร่างกาย ด.ญ.บีก่อนเพื่อยืนยันพยานหลักฐาน และดำเนินคดีตามกฎหมายกับนายหนึ่งต่อไป
คณะรัฐมนตรี ทำการอนุมัติในโครงการก่อสร้าง ทางพิเศษกะทู้ – ป่าตอง จังหวัด ภูเก็ต โดยมีมูลค่าโครงการ 1.46 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างภายในปี 2566 (19 ม.ค. 2565) คณะรัฐมนตรี (ครม.) ทำการอนุมัติในโครงการก่อสร้าง ทางพิเศษกะทู้ – ป่าตอง จังหวัด ภูเก็ต ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย โดยโครงการดังกล่าวมีมูลค่าอยู่ที่ 1.46 หมื่นล้านบาท ซึ่งก็คาดการณ์ว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างภายในปี 2566
โดยโครงการดังกล่าวนั้นเป็นการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) วงเงินเริ่มต้นกว่า 14,670 ล้านบาท เพื่อเพิ่มเส้นทางจราจรระหว่างตัวเมืองฝั่งตะวันออกของภูเก็ตไปยังหาดป่าตอง ใช้เป็นเส้นทางอพยพกรณีเกิดภัยพิบัติ และช่วยลดอุบัติเหตุทางถนน เนื่องจากเส้นทางปัจจุบันมีความลาดชันและคดเคี้ยวตามไหล่เขา
‘หมอยง’ เผย ผลการศึกษาวัคซีนเข็ม 3 ด้วยไฟเซอร์
หมอยง เผย ผลการศึกษาวัคซีนเข็ม 3 ด้วยไฟเซอร์ ชี้ประเทศไทยมาถูกทางแล้ว ชี้ฉีดวัคซีนเชื้อตายแล้วตามด้วยไฟเซอร์ ผลไม่ต่างจากไวรัลเวตเตอร์หรือ mRNA ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กถึงการกระตุ้นวัคซีนเข็มที่สาม ด้วยวัคซีนชนิดไฟเซอร์ พร้อมระบุว่าประเทศไทยมาถูกทางแล้ว
โดยหมอยงระบุว่า “ประเทศไทยได้มีการให้วัคซีนไปแล้วมากกว่า 110 ล้านโดส นับว่ามากพอสมควร และทั่วโลกมีการให้ไปแล้วร่วม 10,000 ล้านโดส แล้ว รวมทั้งประชากรจำนวนหนึ่งได้ติดเชื้อทั้งที่มีอาการและไม่มีอาการ ทำให้มีภูมิคุ้มกันเกิดขึ้นเป็นบางส่วน ถึงแม้ว่าจะป้องกันการติดเชื้อ โอมิครอน ไม่ได้แบบสมบูรณ์ แต่ก็เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ลดความรุนแรงของโรคลง
การกระตุ้นเข็ม 3 ในปัจจุบันมีความจำเป็นที่จะต้องให้ครบหลักการตามให้วัคซีนที่มี primary วัคซีน 2 โดส แล้วตามด้วยกระตุ้นเข็ม 3 เพื่อให้ภูมิคุ้มกันได้สูงและอยู่นานขึ้น ตามหลักของการให้วัคซีน
ประเทศไทยมีการให้วัคซีนหลากหลายสูตรอย่างมาก การกระตุ้นต่างชนิดกัน ในปัจจุบันเป็นที่ยอมรับทั่วไป จะเห็นว่ามีผลงานองค์ความรู้ทางวิชาการระดับนานาชาติออกมามากมาย
ในวันนี้จะขอแสดงผลการให้วัคซีนเบื้องต้นในสูตรต่างๆ ที่ใช้ในประเทศไทยทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Sinovac, Sinopharm, AstraZeneca , สูตรสลับ SV/AZ, Pfizer มาแล้ว 2 เข็ม และกระตุ้นด้วย mRNA ไฟเซอร์ (วันต่อไปค่อยเอาข้อมูล Moderna และการกระตุ้นด้วยวัคซีนอื่น มาแสดงต่อไป)
วัคซีนไฟเซอร์ เป็นวัคซีนที่ใช้กระตุ้นได้ดี ไม่ว่าจะเป็นการฉีดเบื้องต้น 2 เข็มมาแล้ว ในสูตรเกือบทุกชนิด ดังแสดงในรูป การให้วัคซีนเชื้อตายนำมาก่อน ได้ผลไม่แตกต่างกับการให้วัคซีน ไวรัส Vector หรือ mRNA
การทำการศึกษาครั้งนี้ เราได้ทำการศึกษาทั้ง ภูมิต้านทาน โดยตรวจ 2 วิธี ในแต่ละรูป
นอกจากนี้ ยังได้ทำการศึกษา sVNT ต่อไวรัสทั้งสายพันธุ์ อู่ฮั่น แอลฟา เบต้า และ เดลต้า และโอมิครอน รวมทั้งการศึกษา FRNT ด้วยไวรัสเชื้อเป็นสายพันธุ์เดลต้าและโอมิครอน ข้อมูลแสดงผลการยับยั้งสายพันธุ์เดลต้าและโอมิครอน ได้เป็นอย่างดี แสดงว่าที่ผ่านมาประเทศไทยได้เดินมาถูกทางแล้ว ผลงานทั้งหมดอยู่ระหว่างการเขียน เพื่อลงในวารสารระดับนานาชาติ”